Archive | สถานที่ที่น่าสนใจ RSS feed for this section

สุเหร่าโซเฟีย

15 มี.ค.

ฮาเยียโซเฟีย หรือ ฮาเจียโซเฟีย หรือชื่อในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮาเจียโซเฟียเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งโบสถ์เซบียาสร้างเสร็จในปี 1520 สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปี

หอเอนปิซา

14 มี.ค.

หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา

เจดีย์กระเบื้องเคลือบ

13 มี.ค.

เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิงตั้งอยู่เมืองนานกิง ตอนเหนือของจีน สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในสมัยราชวงศ์หมิง เจดีย์มีลักษณะทรงรูปแปดเหลี่ยม หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ชายคาแขวนกระดิ่ง 80 ลูกโดยรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐประดับกระเบื้องเคลือบยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง เดิมองค์เจดีย์มีเพียง 3 ชั้น ในประมาณพ.ศ. 1973 จักรพรรดิยุ่งโล้โปรด สร้างอีก 6 ชั้น รวม 9 ชั้น มีโซ่โยงจากเหลี่ยมของเจดีย์ 8 เส้น มีกระดิ่งตามแนว 72 ลูก ปัจจุบันเจดีย์ทรุดโทรมมากเนื่องจากถูกเผาสมัยเกิดกบฏไท่ผิงเมื่อ พ.ศ. 2392

สโตนเฮนจ์

12 มี.ค.

สโตนเฮนจ์ เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่าที่ราบซอลส์บรี ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบน สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใคร ทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่าง สงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า “ทุ่งมาร์ลโบโร” ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว

กำแพงเมืองจีน

11 มี.ค.

กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ สร้างในสมัย พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นครั้งแรก กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ กำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดถึง 6,350 กิโลเมตร และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย มีความเชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศจะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถมองเห็นจากอวกาศได้

หลุมฝังศพแห่งอะเล็กซานเดรีย

10 มี.ค.

ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ มีอีกชื่อที่เรียกว่า คาตาโกมบ์ เป็นสุสานฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณ ไม่ ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เป็นสุสานของใคร และสร้างเมื่อใด ลักษณะของสุสานไม่เหมือนกับปีรามิดคือจัดสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินขุดลึกเข้า ไปในภูเขาหินทราย ทำเป็นชั้นๆ และมีช่องทางเดินกว้างประมาณ 3-4 ฟุต วกเวียนไปมาเป็นระยะทางหลายไมล์ภายในอุโมงค์บางตอนตกแต่งอย่างสวยงาม ที่บรรจุ ดพระศพคือผนังอุโมงค์ที่เจาะเป็นช่องลึกเข้าไป มีแท่นบูชาวางด้วยตะเกียงดวงเล็กๆแขวนไหว้ด้านหน้า ปัจจุบันสุสานแห่งอเล็กซานเดรียได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงสภาพ สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง

โคลอสเซียม

9 มี.ค.

โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน

คลองบางกอกใหญ่

8 มี.ค.

คลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวงนั้น เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยามาก่อน กล่าวคือบริเวณตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อย ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปจนถึงปากคลองบางกอกใหญ่ในปัจจุบันนั้น ยังเป็นแผ่นดินอยู่ แม่น้ำเจ้าพระยาเดิมจะอ้อมเลี้ยวจากหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคุ้งกว้างมาทะลุออกข้างวัดท้ายตลาด เมื่อถึงปี พ.ศ. 2065 สมเด็จพระไชยราชาธิราช โปรดเกล้าให้ขุดคลองลัดระหว่างคุ้งแม่น้ำทั้งสอง เพื่อย่นระยะทางและอำนวยความสะดวกให้กับบรรดาพ่อค้าทูตานุทูตชาวตะวันตกที่ เริ่มเข้ามาติดต่อค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ ในสมัยนั้น ต่อมาคลองลัดเริ่มกว้างใหญ่ขึ้นกลายเป็นแม่น้ำ ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมก็เล็กลงกลายเป็นคลองบางกอกน้อยและคลองบางกอกใหญ่ ถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ราชสำนักย้ายมาอยู่ที่กรุงธนบุรี คลองบางกอกใหญ่กลายมาเป็นชุมชนของข้าหลวง และทรงโปรดเกล้าให้บรรดาคนจีนซึ่ง ได้เคยช่วยเหลือพระองค์มาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากว่า คลองบางข้าหลวง หรือ คลองบางหลวง สืบมาถึงในปัจจุบัน รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร กำหนดให้คลองบางกอกใหญ่เป็นคลองสำคัญซึ่งจะต้องอนุรักษ์ไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ปากคลองบางกอกใหญ่แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งขวาของป้อมวิไชยประสิทธิ์ ไปสิ้นสุดที่คลองมอญ ตรงข้ามปากคลองชักพระ มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร คลองบางกอกใหญ่ในปัจจุบันนั้นถือเป็นเส้นทางสัญจรและระบายน้ำ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างมาก มีศาสนสถานตั้งอยู่อย่างหนาแน่นทั้งสองฝั่ง

บ้านพาทยโกศล

7 มี.ค.

บ้านปี่พาทย์ตระกูลพาทยโกศล เลขที่ 78 ถ.อรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เจ้าของ ตระกูลพาทยโกศล “พาทยโกศล” เป็นตระกูลนักดนตรีไทยที่มีความสามารถและเก่าแก่สืบเนื่องกันลงมาตั้งแต่ต้น กรุงรัตนโกสินทร์ จนทายาทรุ่นปัจจุบันนับได้ชั้นที่ 8 แล้ว ปัจจุบันบ้านพาทยโกศลยังปรากฏเครื่องดนตรีที่เล่าสืบกันมาว่าสร้างขึ้น ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ต้นสกุลชั้นสูงสุดที่สืบย้อนขึ้นไปได้ คือหลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ) ทายาทชั้นที่ 4 ของสกุล คาดว่าท่านเกิดในราวปลายรัชกาลที่ 3 ต่อต้นรัชกาลที่ 4 และอยู่มาจนถึงกลางรัชกาลที่ 6 เป็นอย่างน้อย หลวงกัลยาณมิตตาวาสเคยเป็นครูปี่พาทย์ประจำวงของพระยาประภากรวงศ์ และมีความสามารถในทางสีซอสามสายเป็นที่ขึ้นชื่อในสมัยรัชกาลที่ 5 นางแสง (ชูสัตย์) ซึ่งเป็นภรรยาของท่านก็มีฝีมือในทางจะเข้ ได้เป็นครูสอนดนตรีฝ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยเช่นกัน

วัดอรุณราชวราราม

6 มี.ค.

วัดอรุณราชวรารามนั้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกเหนือพระราชวังเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นกองบัญชาการทหารเรือและอยู่ในพื้นที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร วัดนี้เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมที่ชื่อว่าวัดมะกอก ต่อมาเติมเป็นวัดมะกอกนอก แล้วเปลี่ยนเป็นวัดแจ้ง วัดอรุณราชธาราม และวัดอรุณราชวรารามดังเช่นในปัจจุบัน อาณาเขตของวัดกว้างขวางมาก ทางทิศเหนือติดกำแพงวัดด้านเหนือหลังโรงเรียนประถมทวีธาภิเศก ทางด้านทิศใต้ติดกับกำแพงพระราชวังเดิม (กองทัพเรือ) ทางด้านทิศตะวันออกจดฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และทางทิศตะวันตกจะเป็นกำแพงวัดติดถนนอรุณอัมรินทร์ วัดอรุณราชวราราม จัดว่าเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องจากพระองค์ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ ตั้งแต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและได้ทรงผูกพันอยู่กับวัดนี้มาก จนถึงขนาดทรงปั้นหุ่นพระพักตร์พระประธาน ในพระอุโบสถด้วยพระองค์เอง นอกจากนั้น วัดอรณราชวรารามยังเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล สงวนไว้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐิน เป็นประจำทุกปี และมีการเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนทางชลมารคด้วยเรือพระราชพิธีที่งดงามยิ่ง

ประมวลภาพในวัดอรุณ

พระอุโบสถ

พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก

พระสังคจาย

เง็กเซียนฮ่องเต้

เจ้าพ่อเสือ

ยักษ์วัดแจ้ง